ตร.รวบผู้ประท้วง 35 คน เหตุปะทะที่สี่แยกดินแดง กทม

ตร.รวบผู้ประท้วง 35 คน เหตุปะทะที่สี่แยกดินแดง กทม

ในการปะทะกันอีกครั้งกับตำรวจปราบจลาจลที่สี่แยกดินแดง กรุงเทพฯ ซึ่งเกิดการประท้วงต่อต้านรัฐบาลหลายครั้ง มีผู้ประท้วงอย่างน้อย 35 คนถูกจับกุมเมื่อวานนี้ รายงานจากหนังสือพิมพ์บางกอกโพสต์ระบุว่า กลุ่มวัยรุ่นขี่มอเตอร์ไซค์ชื่อ “ม็อบทาลูกาซ” ซึ่งแปลว่า “ม็อบที่แก๊สน้ำตา” ขับรถไปที่สี่แยกเมื่อเวลาประมาณ 17.00 น. และปาระเบิดปิงปองและประทัดใส่ตำรวจ

สี่แยกดินแดงเป็นสถานที่ชุมนุมประท้วงที่นำไปสู่การปะทะกันอย่างรุนแรงกับตำรวจปราบจลาจล นักเคลื่อนไหวรุ่นเยาว์เรียกร้องให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออก เหตุเกิดจากการจัดการที่ผิดพลาดช่วงโควิด-19 ระบาด

เมื่อสัปดาห์ที่แล้ว ผู้ประท้วงอายุ 15 ปี ถูกยิงที่คอด้านนอกสถานีตำรวจดินแดง

และอยู่ในอาการโคม่า ตำรวจบอกว่าใช้แต่กระสุนยางเพื่อสลายฝูงชน พบกระสุนจริงบนพื้นนอกสถานีและตำรวจได้สอบสวนเพื่อตัดสินว่าใครเป็นคนยิงกระสุนจริง ผู้ประท้วงอีกคนหนึ่งตาบอดข้างเดียวหลังจากที่เขาถูกวัตถุที่ใบหน้าบางคนบอกว่าเป็นถังแก๊สน้ำตา

เมื่อวาน ตร.เข้าแถว กองบัญชาการกองทัพไทย ถ.วิภาวดีรังสิต มีรายงานว่าผู้ประท้วงขว้างปาระเบิดปิงปองใส่ตำรวจ และเจ้าหน้าที่ก็ยิงแก๊สน้ำตา ปืนใหญ่ฉีดน้ำยังถูกนำไปใช้เพื่อสลายฝูงชน ตำรวจจับกุมผู้ประท้วงอย่างน้อย 35 คนและยึดรถของพวกเขา เมื่อเวลา 18:15 น. ตำรวจสามารถผลักฝูงชนออกจากสี่แยกไปยังอนุสาวรีย์ชัยสมรภูมิได้

ด้วยการประท้วงทุกวันที่สี่แยก เจ้าหน้าที่ได้รับคำสั่งจากหัวหน้าตำรวจแห่งชาติให้เปลี่ยนยุทธวิธีในการควบคุมฝูงชน เพื่อลดผลกระทบจากการปะทะที่มีต่อผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ กระสุนยางและถังแก๊สน้ำตาตกเป็นของเอกชน ขณะนี้ ตำรวจกำลังประสานงานกับการเคหะแห่งชาติเพื่อให้แน่ใจว่าผู้อยู่อาศัยในพื้นที่ปลอดภัย แต่เจ้าหน้าที่กล่าวว่าพวกเขายังคงวางแผนที่จะใช้แก๊สน้ำตาและกระสุนยางกับฝูงชนจำนวนมาก

ตั้งแต่เดือนกรกฎาคมถึงเดือนสิงหาคม มีผู้ถูกจับกุมประมาณ 259 คนในข้อหาที่เกี่ยวข้องกับการประท้วง มากกว่า 500 คนจะถูกดำเนินคดี ผู้ที่อยู่ในครอบครองวัตถุระเบิดจะถูกตั้งข้อหาฝ่าฝืนพระราชบัญญัติวัตถุระเบิด ดอกไม้ไฟ และอาวุธปืนเทียม หลายคนถูกตั้งข้อหาจัดการชุมนุมใหญ่ ฝ่าฝืน พ.ร.ก.ฉุกเฉินฯ กรุงเทพฯ เป็นศูนย์กลางของการระบาดของไวรัสโควิด-19 ล่าสุดและรุนแรงที่สุด โดยมีมาตรการที่เข้มงวด ได้แก่ เคอร์ฟิว คำสั่งปิด และห้ามการชุมนุมขนาดใหญ่เพื่อควบคุมการแพร่กระจายของโควิด-19

ไทยเริ่มให้ยาเสริม-ฉีดวัคซีนเด็กปีหน้า กระทรวงสาธารณสุขกล่าวว่าในปีหน้าประเทศไทยจะเริ่มให้วัคซีนเสริมแก่ผู้ที่ได้รับวัคซีนครบสมบูรณ์ เช่นเดียวกับเด็กที่ฉีดวัคซีน ตามรายงานของ Nation Thailand นพ.โอภาส กาญจน์กวินพงศ์ จากกรมควบคุมโรค กล่าวว่า ผลการวิจัยพบว่าภูมิคุ้มกันที่ได้รับจากวัคซีน 2 โด๊ส โดยไม่คำนึงถึงชนิดของวัคซีน จะลดลงเมื่อเวลาผ่านไป ด้วยเหตุนี้ จึงจำเป็นต้องยิงครั้งที่สามหรือบูสเตอร์

Opas กล่าวว่า AstraZeneca ได้ตกลงที่จะเพิ่มจำนวนโดสที่จ่ายให้กับประเทศไทยตั้งแต่เดือนหน้า ปัจจุบันราชอาณาจักรได้รับยาระหว่าง 5 ถึง 6 ล้านโดสต่อเดือนในช่วงเดือนมิถุนายน – สิงหาคม ตั้งแต่เดือนกันยายนเป็นต้นไป จะเพิ่มขึ้นเป็น 7.2 ล้านโดส

ตร.สอบปากคำเจ้าหน้าที่ฆ่าชายโดยไม่ได้ตั้งใจ

สำนักงานตำรวจแห่งชาติกำลังตรวจสอบรายงานที่อ้างว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจากจังหวัดนครสวรรค์ ภาคเหนือของไทย บังเอิญฆ่าผู้ต้องสงสัยในขณะที่เจ้าหน้าที่พยายามรีดไถผู้ต้องสงสัยเป็นเงิน 2 ล้านบาท

การสอบสวนเกิดขึ้นหลังจากทนายความชื่อดัง เดชา กิตติวิทยานันท์ เผยแพร่ข้อเรียกร้องดังกล่าวทางเฟซบุ๊ก โพสต์ของเดชาระบุว่าคดีนี้เริ่มต้นด้วยการจับกุมชายและหญิงในคดียาเสพติด ทนายกล่าวว่าเจ้าหน้าที่กดดันให้ทั้งสองคนจ่ายเงิน 1 ล้านบาทเพื่อให้ได้รับการปล่อยตัว แต่ผู้พันตำรวจเรียกร้องให้จ่ายเงินเพิ่มเป็นสองเท่า ขณะที่ตำรวจและผู้ต้องสงสัยกำลังเจรจากันเรื่องราคาปล่อยตัว เจ้าหน้าที่ถูกกล่าวหาว่าเอาถุงพลาสติกคลุมศีรษะของชายคนนั้นเพื่อข่มขู่เขา จากนั้นชายคนนั้นก็ขาดอากาศหายใจตายทนายความกล่าว

ขณะที่ร่างของชายคนนั้นถูกนำตัวส่งโรงพยาบาลเพื่อตรวจสอบ พันเอกบอกกับเจ้าหน้าที่ให้รายงานสาเหตุการเสียชีวิตเนื่องจากเสพยาเกินขนาด ทนายความกล่าว จากนั้นผู้หญิงคนนั้นก็ได้รับการปล่อยตัวจากการควบคุมตัวของตำรวจ โดยมีรายงานว่าเป็นเหตุให้ต้องนิ่งเงียบ เดชากล่าวว่าเจ้าหน้าที่ที่เห็นการขู่กรรโชกและการสังหารที่ตามมาได้ตัดสินใจยื่นคำร้อง

นายวิษณุ ปราสาททองโกสถ สารวัตรตำรวจ ตอบสนองต่อคำร้องโดยกล่าวว่า ผบ.ตร. สุวัจน์ แจ้งยอดสุข ได้สั่งให้มีการสอบสวนโดยเร็ว เนื่องจากเหตุการณ์ดังกล่าวทำลายความน่าเชื่อถือของตำรวจ วิษณุเสริมว่าสารวัตรเชษฐา โกมลวรรณาได้รับมอบหมายให้ดูแลการสอบสวน ผกก.สภ.เมืองนครสวรรค์ ถูกเรียกตัวช่วยสอบสวนด้วย

ในขณะเดียวกัน คณะกรรมการวัคซีนแห่งชาติ (National Vaccine Board) กล่าวว่าในปีหน้า ควรมีวัคซีนป้องกันโควิด-19 ต่างๆ อย่างน้อย 120 ล้านโดส ซึ่งรวมถึง mRNA, วัคซีนเชื้อตาย, โปรตีน และวัคซีนไวรัส ซึ่งเป็นการตัดสินใจที่ได้รับการอนุมัติจากศูนย์บริหารสถานการณ์โควิด-19 NVA วางแผนที่จะนำเข้าวัคซีนไฟเซอร์ 50 ล้านโดส พร้อมกับแอสตร้าเซเนก้า 50 ล้านโดส Opas กล่าวว่าหากพบว่าวัคซีนรุ่นที่สองปลอดภัยและมีประสิทธิภาพก็อาจมาถึงเป็นชุดที่สอง